7 แห่งที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและความสกปรกมากที่สุด จนคุณคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
เอาล่ะเรามาเริ่มทำความสะอาดทั้งเจ็ดจุดเหล่านี้กันดีกว่า
1. ที่เสียบมีดหรือที่เก็บมีด
ลองนึกไม่ออกเลยทีเดียวว่าทำความสะอาดครั้งล่าสุดเมื่อไร ลองรื้อมาดูสิคะ เอามาทำความสะอาดซักหน่อยดีกว่า ด้วยการเก็บมีดออกให้หมดแล้วนำมาเขย่าเอาเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกออกให้หมดแล้วนำน้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่นไว้ให้ข้น ๆ นำแปรงสีฟันเก่ามาขัดให้ถูกซอกมุม โดยเฉพาะบริเวณช่องเสียบมีด แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง หมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ นะคะ
2. ช่องเก็บผักในตู้เย็น
เรามักจะเก็บผักไว้จนเน่าคาตู้ ก่อเชื้อโรคเป็นจำนวนมากเลยทีเดียวค่ะ เรามาเคลียร์ความสกปรกส่วนนี้กันด้วยการ รื้อผักออกให้หมด ผักเน่าก็ทิ้งไปซะ แล้วนำน้ำยาล้างจานมาผสมกับเบกกิ้งโซดาและน้ำอุ่น สัดส่วน 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำกะละมังเล็ก ๆ แล้วนำน้ำยามาถูขัดล้างให้ทั่ว ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นแล้วผึ่งให้แห้ง จึงค่อยนำไปเรียงผักเข้าตู้เย็นใหม่ค่ะ
3. ถาดหรือช่องเก็บเนื้อสัตว์ในตู้เย็น
อันตรายเสียยิ่งกว่าช่องแช่ผักอีกค่ะ เพราะเนื้อเน่าคาตู้เย็นเป็นที่สะสมของเชื้อแซลโมเนลล่า อีโคไล แบคทีเรียและเชื้อราคา ซึ่งทำอันตรายต่อระบบลำไส้ วิธีล้างก็เหมือนกับการล้างช่องแช่ผักเลยค่ะ
4. ใบมีดของเครื่องปั่นหรือเครื่องบดอาหาร
ถ้าไม่ทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่เป็นอันตรายเช่นกัน ควรถอดออกให้หมดทุกชิ้นแล้วนำใบมีดมาล้างด้วยน้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น แล้วล้างออกให้สะอาดตากให้แห้ง เช็ดอีกรอบเพื่อให้แห้งสนิทจึงติดตั้งกลับคืนค่ะ
5. ที่เปิดขวด
เป็นอุปกรณ์ที่เราไม่ค่อยใส่ใจมากนัก เปิดเสร็จแล้วก็เสียบกลับที่เดิม ดังนั้นเอามาล้างค่ะ โดยเฉพาะบริเวณใบมีดที่เปิดขวด ล้างให้สะอาดเอาแปรงสีฟันขัดด้วยก็ได้จะได้หมดจดทุกซอกมุมแล้วตากให้แห้งจึงเก็บเข้าที่
6. ไม้พายหรือตะหลิวสำหรับคนอาหาร
อย่าคิดว่าอุปกรณ์ที่ดูไม่ซับซ้อนนี้จะไม่เป็นอันตรายนะคะ แต่เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เราไม่ค่อยใส่ใจทำความสะอาดต่างหาก เศษอาหารต่างๆ จึงมักทิ้งคราบอยู่ ควรเอามาขัดให้ทุกซอกมุมทุกครั้งนะคะ
7. ทัปเปอร์แวร์และภาชนะพลาสติกที่มีฝาปิด
จุดสะสมเชื้อโรคมากที่สุดก็คือบริเวณฝาปิดที่เป็นร่องหยักนั่นเองค่ะ มีคราบอันตรายตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ควรนำมาล้างให้สะอาดด้วยแปรงสีฟันเก่าแล้วค่อยตากให้แห้งก่อนนำไปใช้ครั้งต่อไปด้วยนะคะ
แล้วจากนี้ไปก็อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดเจ็ดจุดอันตรายนี้บ่อยๆ ด้วยนะคะ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราและบุคคลที่เรารักค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : homenayoo.com
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : freepik.com และ pixabay.com
Leave a reply