เป็นหวัด เป็นหอบหืด คอแห้ง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นโรคกรดไหลย้อน ภูมิแพ้ สูบบุหรี่ วัณโรค หลอดลมโป่งพอง ไปจนถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เรามีอาการไอ ทั้งไอแห้ง ไอแบบมีเสมหะ หรือไอเรื้อรัง แต่ไม่ว่าจะไอแบบไหน ก็สร้างความรำคาญให้กับเราได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน จนบางครั้งไอจนหน้าดำหน้าแดง วันนี้ขอแนะนำวิธีบรรเทาอาการไอให้ลดลงโดยเร็วที่สุด ทั้งง่าย และได้ผลแน่นอนไปดูกันค่ะ
1.ดื่มน้ำให้มากขึ้น
เริ่มต้นง่ายๆ กับการดื่มน้ำในแต่ละวันให้มากขึ้น ใครที่มีเสมหะในคอ น้ำก็จะช่วยละลายเสมหะให้น้อยลงได้ ส่วนใครที่มีอาการไอแห้งๆ น้ำก็จะช่วยให้ความชุ่มชื้นในลำคอได้ ทำให้มีอาการระคายเคืองภายในคอลดลงเช่นกัน
2.ดื่มน้ำอุ่น
หากเลือกที่จะดื่มน้ำให้มากขึ้นแล้ว ควรเลือกดื่มน้ำอุ่นแทนการดื่มน้ำเย็น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยละลายเสมหะ และให้ความชุ่มชื้นภายในลำคอได้ดีกว่าน้ำเย็น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวระหว่างวันได้เช่นกัน
3.อาบน้ำอุ่น
ข้างในอุ่นแล้ว ข้างนอกก็ต้องอุ่นด้วย การอาบน้ำอุ่นนอกจากจะช่วยลดน้ำมูกได้แล้ว ยังดีต่อร่างกายของคนที่เป็นหวัด และภูมิแพ้อีกด้วย
4.อมยาแก้ไอ
อย่าคิดว่าอาการไอจะหายไปได้เองง่ายๆ หากมีอาการไอจนตัวงอ ไอจนเพื่อนข้างๆ รำคาญ ควรรีบหายาแก้ไอมาอมด่วนๆ เพราะในยาแก้ไอจะมีส่วมประกอบที่จะช่วยลดอาการระคายเคืองภายในลำคอได้
5.ลดปัญหาการเกิดฝุ่น ก่อเป็นภูมิแพ้
ควรทำความสะอาดบ้านดูดฝุ่นเป็นประจำ ไม่ใช่แค่ดูดฝุ่นพื้นบ้าน ควรทำความสะอาดทุกซอกมุม เฟอร์นิเจอร์ในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เช่น โซฟา ชั้นหนังสือ หลังตู้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆเพื่อลดปัญหาฝุ่นอันก่อให้เกิดภูมิแพ้ให้น้อยลง และก็จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองคอได้ อาจเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถถอดหัวเปลี่ยนทำความสะอาดครอบคลุมการใช้งานจะดีที่สุด เพื่อความสะดวก และง่ายต่อการใช้งาน
7.งดใช้น้ำหอม สเปรย์ต่างๆ
ส่วนประกอบของน้ำหอม และสเปรย์ต่างๆ (รวมถึงสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ) การทำให้โพรงจมูกมีอาการระคายเคืองได้ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเสมหะเพิ่มมากขึ้น หรือไอเรื้อรังได้
8.หลีกเลี่ยงฝุ่น ควันต่างๆ
นอกจากน้ำหอม และสเปรย์แล้ว อากาศรอบตัวอย่างอากาศแห้งๆ จากเครื่องปรับอากาศภายในสำนักงาน ฝุ่นควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ ควันจากการทำอาหาร มลพิษทางอากาศเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในโพรงจมูก และลำคอได้ ดังนั้นขณะที่มีอาการไอ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากมลพิษทางอากาศเหล่านี้ด้วย
9.นอนพักผ่อนให้มากขึ้น
ส่วนใหญ่แล้ว อาการไอที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือหายช้า เป็นเพราะร่างกายไม่มีเวลาที่จะซ่อมแซมตัวเอง เพราะเราใช้ร่างกายของเราหนักเกินไปจนพักผ่อนน้อยนั่นเอง ดังนั้นหากรู้ตัวว่าป่วย ไอหนักมาก ควรรีบเข้านอนแต่หัววันตั้งแต่อากาศยังไม่เย็นมากจนเกินไป และพักผ่อนให้เพียงพอ
10.พบแพทย์
ทางสุดท้ายที่จะเพิ่งได้ คือการพบหมอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะอาการไอที่เราเป็นมานาน ทำทุกอย่างแล้วก็ไม่หาย อาจจะไม่ใช่อาการไอธรรมดาๆ โดยอาการไออาจจะเป็นเพียงอาการเบื้องต้น ที่เป็นสัญญาณเตือนถึงโรคอันตรายอื่นๆ ได้ ดังนั้นการพบแพทย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใครก็ตามที่อาการไอไม่ดีขึ้นเลยภายใน 1-2 สัปดาห์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Leave a reply